อ่านแล้ว 0
บอดก็เพียงสายตาเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม อาจจะรับ รู้ไปตาม สูดกลิ่นงามฟังเสียงวิไลร่มไม้บังเงา
ทุกเย็นที่สวนลุม คุณอาจเคยเห็นชายคนหนึ่งก้าวช้าๆ เดินทางมาด้วยไม้เท้าในมือ ก่อนจะเริ่มออกวิ่งอย่างมั่นคงพร้อมเสียงกระดิ่งติดตามตัวไปที่ห้อยไว้ที่ข้อมื นั่นคือ “ลุงโจ้” วัย 57 ปี ผู้มองไม่เห็นมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังเลือกที่จะออกมาวิ่งทุกวันในเวลาว่างหลังเลิกงาน สารคดีสั้น Ring and Run “ชีวิตนักวิ่งตาบอด” บันทึกเรื่องราวของเขาอย่างลึกซึ้งและคมคายภายในเวลาเพียง 5 นาที พร้อมชี้ให้เห็นความจริงสำคัญเกี่ยวกับ “เมือง” และ “อิสรภาพ” ของผู้มีสายตาบกพร่องในประเทศไทย
จุดที่สะท้อนใจที่สุดของสารคดีเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ความลำบากในการวิ่งสำหรับคนตาบอดแต่อย่างใด หากแต่อยู่ที่ “การเดินทางไปให้ได้เริ่มวิ่ง” ในขณะที่ guide runner ของลุงโจ้ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเพื่อเดินทางมาถึงสวนลุมพินี แต่ทว่าลุงโจ้ต้องใช้เวลาถึง 50 นาที หรือต่างกันถึง 5 เท่าตัว กับระยะทางเพียง 6 กิโลเมตรจากที่ทำงาน ต่อรถเมล์ รถไฟฟ้า และเดินเท้ามาถึงสวนสาธารณะ ทั้งหมดเป็นผลของโครงสร้างเมืองที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้พิการหรือคนตาบอดได้ดีเท่าที่ควร (หรือแทบจะไม่ดีเลยด้วยซ้ำ) ตั้งแต่บันไดที่ไม่เท่ากัน พื้นต่างระดับ ทางเท้าที่มีสิ่งกีดขวางมากมาย ไปจนถึงสัญลักษณ์นำทางที่ขาดหายหรือปะปนกันจนไม่สามารถพึ่งพาได้
และนี่ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะตัวของลุงโจ้
งานวิจัยในไทยพบว่า ผู้ใหญ่ที่มีภาวะสายตาบกพร่องมากกว่า 60% มีปัญหาในการเคลื่อนที่แบบอิสระและทำกิจวัตรพื้นฐานในชีวิตประจำวันโดยตรง จากสภาพทางเท้าที่ไม่ราบเรียบ ระบบขนส่งที่ไม่เป็นมิตร และเมืองที่มักลืมคิดถึงผู้ใช้ร่างกายต่างจาก “คนส่วนใหญ่” นอกจากนี้การสำรวจระดับชาติยังพบอัตราความบอดราว 0.59% และผู้มีสายตาต่ำอีก 1.57% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกเราอย่างชัดเจนว่า “คนกลุ่มนี้มีอยู่จริง และมีจำนวนไม่น้อยเลย”
ในมุมสังคม คนพิการในไทยมีราว 800,000 คน แต่มีเพียงประมาณ 50,000 คนเท่านั้นที่ได้รับการจ้างงานอย่างเป็นทางการ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงโอกาสที่ยังหายไป และความจำเป็นของพื้นที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทางกายภาพหรือพื้นที่ทางใจ ที่ควรมีมากกว่านี้
บนเส้นทางวิ่ง ลุงโจ้และพี่วันวาน guide runner ผูกข้อมือกันด้วยเชือกเส้นเล็กๆ แต่หัวใจของภาพนั้นใหญ่กว่าที่เห็น มันคือความไว้วางใจ คือเมตตาธรรมที่เราแบ่งปันต่อเพื่อนมนุษย์ และคือความหมายของ “อิสระ” ในแบบที่คนมองเห็นอาจไม่เคยนึกถึง ทีมผู้ผลิตสารคดีเปิดเผยบนเวที #VIPAFilmFest2025 ว่า ในการติดตามบันทึกถ่ายชีวิตลุงโจ้ ยังเหนื่อยล้าแทบขาขวิด แล้วตัวลุงโจ้เอง จะต้องมีความแข็งแรงและอดทนถึงเพียงไหน ถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีวินัยในโลกที่มองไม่เห็นได้
Ring and Run จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของนักวิ่งตาบอดคนหนึ่ง แต่มันเป็นภาพจำลองของประเทศที่ยังไม่พร้อมสำหรับความหลากหลายทางร่างกาย เสียงกระดิ่งอันจิ๋วในสารคดีเรื่องนี้ คือเสียงกังวาลที่ก้องบอกเราว่า คนตาบอดไม่ควรต้องเก่งเป็นพิเศษเพื่อมีชีวิตประจำวันได้ปกติ
เมืองต่างหากที่ควรปกติพอสำหรับทุกคน
บางที “สิ่งที่ทำ” ก็นี้ไม่ได้สำคัญเท่ากับ “การเริ่มทำ”
แม้ในวันที่เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยอุปสรรค ลุงโจ้ก็ยังเลือกที่จะเดินทางมาอยู่ตรงนั้นทุกวัน ด้วยพลังและความตั้งใจที่ไม่จำเป็นต้องมองเห็นถึงจะสัมผัสได้ ต่อให้วันนั้นจะจบลงด้วยการที่ไม่มี guide runner มาพาเขาไปวิ่งด้วยก็ตาม แต่เพราะ “เขาอยากวิ่ง” เขาจึงยังคงเดินทางมาเสมอ
ความตั้งใจ มีค่าเหนือสิ่งอื่นใดเสมอ
สิ่งจะงาม อยู่กับใจ บอดที่ใจเห็นไปอย่างไรไม่มีวันงาม โลกจะสวยนั้นสวยไปตาม จิตที่งามมองโลกสดใสไปในทางดี
รับชมสารคดีสั้น “Ring and Run ชีวิตนักวิ่งคนตาบอด” สารคดีชนะเลิศโครงการประกวดค้นหานักสร้างสรรค์สารคดีรุ่นใหม่ #VIPAPitchingProject2025 ได้ที่ ▶️ https://vipa.me/th/watch/14544
.
แหล่งอ้างอิง
คนชอบเล่าเรื่องที่ไม่เคยหมดเรื่องเล่า โตมากับวัฒนธรรมป๊อป และยังสนุกกับการตั้งคำถามกับโลกใบนี้อยู่ทุกวัน แม้ความช่างเพ้อฝันจะทำเงินไม่ค่อยได้... ก็ยังเลือกที่จะฝันอยู่ดี :)